3 วิธีสร้าง Growth Mindset ให้ตัวเอง

 โดย อ.นพพล นพรัตน์ / Ceo, Acrosswork

                                                                                        

       เมื่อ 5 ปีก่อน มีลูกค้าถามผมว่า อ.นพ บรรยายหลักสูตร Growth Mindset ได้ไหม นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำว่า อาจเคยได้ยินได้ฟังคำว่า Mindset มามากแล้ว แต่บอกตามตรงแล้วว่าตอนนั้นเพิ่งเคยได้ยินคำว่า Growth Mindset เป็นครั้งแรก และคำถามนั้นก็เป็นที่มาให้ผมต้องศึกษาอย่างจริงจังว่าคำดังกล่าวแปลว่าอะไร จะได้ไม่หน้าแตกอีก

โชคดีที่ผมได้เริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้ทุกวันนี้สามารถบรรยายและจัดทำหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับ Growth Mindset ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมีโอกาสร่วมพัฒนาเรื่องดังกล่าวให้กับองค์กรต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 3000 คนในปีที่ผ่านมา

วันนี้ผมขอนำเนื้อหาเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งในหลักสูตร Proactive Change (การเปลี่ยนแปลงเชิงรุก) ที่พูดถึงคำว่า Growth Mindset ในเชิงปฏิบัติอย่างเข้มข้น มาแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่าน

Growth Mindset acrosswork

 

Growth Mindset  หรือ ในหลักสูตรเรียกว่า กระบวนการคิดแบบเติบโต
ความหมายคือ กระบวนการคิดที่เมื่อเราคิดแบบนี้ เชื่อแบบนี้แล้ว ทำให้เรามีพฤติกรรม นิสัย การประพฤติปฏิบัติของเราเป็นไปอย่างถูกทิศถูกทาง เหมาะสมกับสถานการณ์ และทำให้ผลลัพธ์ในชีวิตของเราดีขึ้น ประสบความสำเร็จขึ้น แก้ปัญหาได้ ความเครียดน้อยลง ความสัมพันธ์ดีขึ้น

กระบวนการคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) เช่น การเชื่อในความสามารถของตนเองว่าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ เชื่อในการพัฒนา การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ สามารถก้าวข้ามอุปสรรคเพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้ เชื่อในคุณค่าของตนเองและผู้อื่น

นอกจาก Growth Mindset แล้ว ยังมีอีกคำหนึ่งที่มักถูกพูดถึงพร้อม ๆ กัน คือ Fixed Mindset หรือ ผมเรียกว่า กระบวนการคิดแบบตายตัว ความหมายของมันถูกอธิบายไว้ในฝั่งตรงกันข้ามกับคำว่า Growth Mindset และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Fixed Mindset หรือ กระบวนการคิดแบบตายตัว คือ กระบวนการคิดที่เมื่อเราคิดหรือเชื่อแบบนี้เราทำให้เราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้  สร้างพฤติกรรม หรือนิสัยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิต นอกจากไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นแล้ว ยังทำลายหรือปฏิเสธโอกาสต่างๆที่เข้ามา  จนทำให้ชีวิตของคนที่มีกระบวนการคิดแบบตายตัวจะไม่ได้เป็นไปตามที่เขาปรารถนา ทำให้หมดกำลังใจ เครียด ท้อถอย มีความทุกข์ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตด้านต่างๆไม่ได้

กระบวนการคิดแบบตายตัว (Fixed Mindset) เช่น การดูถูกตนเอง การไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตนเองหรือเพื่อนมนุษย์ ไม่คิดว่าตนเองพัฒนาให้ดีขึ้นได้ การยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรืออุปสรรค การมองไม่เห็นโอกาสที่จะดีขึ้น เชื่อว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว เราไม่สามารถทำอะไรได้


คนเราสำเร็จหรือล้มเหลว เริ่มต้นที่
Mindset

ลองจินตนาการว่าท่านต้องเลือกใครสักคนหนึ่งขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีม หรือผู้บริหารองค์กร ถ้ามีตัวเลือกอยู่ 2 คน โดยที่ทั้งสองคนเข้ามาทำงานพร้อมกัน เรียนจบที่เดียวกัน ทุกอย่างเรียกได้ว่าใกล้เคียงกันมาก ถ้าคุณสมบัติในการเลือกมีเท่านี้ คนที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้บริหารคงต้องคิดหนัก เพราะจะเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง เลือกไม่ถูก

คราวนี้เราลองมาเพิ่มเงื่อนไขอีกตัวหนึ่ง คือ Mindset ใส่เข้าไปในกระบวนการพิจารณาปรากฏว่า เราเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

คนที่  1 เป็นคนที่มี Growth Mindset เมื่อเผชิญปัญหาอุปสรรคในการทำงาน คนนี้พร้อมที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะปรับตัว สามารถนำคำแนะนำมาปรับใช้ได้อย่างทันท่วงที มีกำลังใจเติมให้ตนเองและทีมงานตลอด เป็นคนที่พร้อมจะให้กำลังใจทีมงานเมื่อเกิดความผิดพลาด พร้อมจะช่วยเหลือสนับสนุน สอนงาน โค้ช เพราะเชื่อว่าน้องในทีมจะสามารถพัฒนาได้ เติบโตได้

คนที่ 2 เป็นคนที่มี Fixed Mindset เวลาที่เจอปัญหาก็จะนั่งเครียด ไม่ปรึกษาใคร เพราะเชื่อว่าตนเองทำไม่ได้คนอื่นก็ทำไม่ได้ เวลาที่มีใครมาแนะนำก็ไม่ฟัง แสดงอารมณ์หงุดหงิด โต้แย้งตลอดเวลา แล้วยิ่งถ้าพบเจอว่าลูกน้องทำพลาด ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ฉุนเฉียว ด่าหยาบๆคายๆ ไม่ช่วยแก้ปัญหาเอาแต่ซ้ำเติม

จากตัวอย่างที่ยกมา ถ้าถามพวกเรา คงต้องตอบเหมือนกันว่าคงต้องเลือกคนที่  1 เป็นผู้บริหารองค์กร เพราะคนแบบนี้ คือ คนที่จะนำพาตนเองและทีมงานไปสู่ความสำเร็จ เป็นคนที่ยืดหยุ่นพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่สามารถเติบโตได้จากการเปลี่ยนแปลง เพราะได้เรียนรู้อยู่เสมอ

growth mindset

เมื่อใจเปิดรับ ความรู้ก็หลั่งไหล เมื่อตั้งท่าปิดใจ อะไรก็ไม่พัฒนา

ถ้าผู้ใดอ่านมาถึงตรงนี้ ผมขอแสดงความยินดีด้วยครับ ท่านกำลังจะได้เทคนิคง่ายๆไปปรับใช้กับตนเองและคนรอบข้าง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมให้เกิดขึ้นในแต่ละวัน https://bit.ly/3qR31G2